ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัตตานี

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัตตานี

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นศาลศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นศูนย์รวมความศรัทธาที่อยู่คู่เมืองปัตตานีมาตั้งแต่โบราณ  มีประวัติเล่ากันมาดังนี้

เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเกิดในตระกูลลิ้ม ในช่วงสมัยพระเจ้าซื่อจงฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์เหม็ง ประมาณพ.ศ. 2065 - 2109  อยู่ที่มณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน  เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมีพี่ชายชื่อว่า ลิ้มโต๊ะเคี่ยม  ทั้งสองมีความสนิทสนมสามัคคีกันตั้งแต่เด็ก จนโตขึ้นพี่ชายก็ได้เข้ารับราชการ ซึ่งขณะนั้นมีโจรสลัดญี่ปุ่นคอยบุกปล้น และเข้าตีเมืองตามชายฝั่งของจีน ลิ้มโต๊ะเคี่ยม จึงสร้างผลงานจากการออกขับไล่ปราบปรามโจรสลัด 

จนกระทั่งวันหนึ่ง ลิ้มโต๊ะเคี่ยม ก็ถูกขุนนางกังฉินใส่ร้ายว่าสบคบคิดกับโจรสลัด จนถูกทางการออกประกาศจับ ต้องหนีฝ่าวงล้อมของทหารหลวงออกทะเลไปยังเกาะไต้หวัน เลี้ยงชีพด้วยการเป็นพ่อค้าออกเดินทางค้าขายทางทะเล บ้างก็ว่าระหว่างนี้ทางทัพหลวงจีนยังคงติดตามจับตัวอยู่เป็นระยะ ลิ้มโต๊ะเคี่ยมจึงหนีมาเรื่อยๆ  สุดท้ายก็มาตั้งรกรากที่เมืองปัตตานี  

ผ่านไปหลายปีมารดาของลิ้มโต๊ะเคี่ยมซึ่งอยู่ที่ประเทศจีน ไม่ได้เจอหน้าลูกชายเป็นเวลา นาน ไม่ทราบเป็นตายร้ายดีอย่างไรจนกังวลใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ ลิ้มกอเหนี่ยวสงสารมารดาที่ชราภาพมากแล้วจึงอาสาออกตามหาพี่ชาย โดยลั่นวาจาไว้ว่า "หากตามพี่ชายกลับไปหามารดาไม่ได้ จะไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป"

ลิ้มกอเหนี่ยวกับญาติๆ นำเรือสำเภาออกทะเลตามหาพี่ชายเป็นเวลาหลายเดือน  จนมาถึงประเทศไทยได้แวะที่ท่าเรือเมืองนครศรีธรรมราชเป็นแห่งแรก และได้สืบหาพี่ชายเรื่อยลงมาทางใต้ กระทั่งเข้าเขตเมืองปัตตานี ก็ได้จอดเรือทอดสมอไว้ริมฝั่ง ลงมาไถ่ถามจากชาวเมืองปัตตานีจนได้ความว่าพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ และอาศัยอยู่ที่นี่โดยได้ดิบได้ดี แต่งงานอยู่กับลูกสาวเจ้าเมืองโดยเข้ารีตตามหลักของศาสนาอิสลาม

ขณะที่ลิ้มกอเหนี่ยวพยายามเกลี้ยกล่อมพี่ชายให้กลับบ้านเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อกลับไปเยี่ยมมารดา  แต่ด้วยลิ้มโต๊ะเคี่ยมนั้นยังคงเป็นนักโทษหลบหนีอยู่ การจะกลับไปเมืองจีนนั้นไม่ง่ายเลยอีกทั้งยังติดภารกิจสำคัญคืองานก่อสร้างมัสยิดที่ได้รับปากกับทางเจ้าเมืองไว้

เมื่อลิ้มกอเหนี่ยวพยายามโน้มน้าวพี่ชายอยู่นานหลายเดือนก็ไม่สำเร็จ จึงทั้งโกรธและน้อยใจที่พี่ชายอุทิศกายและใจให้กับงานสร้างมัสยิดอย่างเต็มที่ จึงได้สาบแช่งไว้ว่า "แม้พี่จะมีความสามารถในการก่อสร้างเพียงใดก็ตาม แต่ขอให้สร้างมัสยิดนี้ไม่สำเร็จ" และปลิดชีวิตตนเองลงโดยการผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ ข้างมัสยิดที่กำลังก่อสร้างนั้นนั่นเอง

ลิ้มโต๊ะเคี่ยมเมื่อสูญเสียน้องสาวก็เสียใจมาก จึงจัดการศพตามประเพณีอย่างสมเกียรติ พร้อมกับสร้างฮวงซุ้ยขึ้นที่หมู่บ้านกรือเซะซึ่งยังคงอยู่มาจนทุกวันนี้ จากนั้นก็ดำเนินการก่อสร้างมัสยิดต่อไป

แต่เมื่อมัสยิดสร้างจวนจะเสร็จ ส่วนยอดโดมจะถูกฟ้าผ่าจนพัง  ลิ้มโต๊ะเคี่ยมพยายามสร้างต่ออีก 3 ครั้ง ผลก็เป็นเหมือนเดิมคือพอใกล้เสร็จก็ถูกฟ้าผ่าลงพังทุกครั้งไป  ลิ้มโต๊ะเคี่ยมจึงยอมแพ้ในที่สุด แม้แต่เจ้าเมืองกรือเซะเองก็บังเกิดความกลัวในอภินิหารตามคำสาปแช่ง จนไม่มีใครกล้าสร้างต่อจนถึงทุกวันนี้  ปัจจุบันมัสยิดกรือเซะก็ได้กลายเป็นโบราณสถานที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ไว้แล้ว 

จากนั้นมาก็ได้เกิดปาฏิหาริย์ของลิ้มก่อเหนี่ยว ที่ได้สำแดงความศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวเรือ และผู้คนในแถบนั้น ใครไปขอพรขอโชคลาภก็ได้ผล หรือแม้แต่การค้าขายที่ซบเซาหรือขาดทุนก็กลับรุ่งเรือง ใครที่เจ็บไข้หรือได้รับความเดือดร้อนเมื่อไปบนบานก็จะหายเจ็บหายป่วยพ้นจากความเดือดร้อน ชาวบ้านทั่วไปจึงขนานนามใหม่ว่า เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ภายหลังมีชื่อว่า "ศาลเจ้าเล่งจูเกียง" (ศาลเทพเจ้าแห่งความเมตตา) นับแต่นั้นเป็นต้นมา

การเดินทางไปศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตั้งอยู่ที่ตำบล อาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี  สามารถเดินทางไปสักการะได้ทั้งปี โดยเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น. แต่หากจะไปร่วมงานประเพณีแห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ต้องไปในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ของทุกปี  ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นั่นเอง

#ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว #เที่ยวปัตตานี

สนใจจัดทริปเที่ยวทุกรูปแบบ รวมถึงจัดสัมมนาดูงาน นำเที่ยวในจังหวัดปัตตานี จัดเที่ยวทั่วไทย และพาไปเที่ยวต่างประเทศ จัดได้ทั้งกรุ๊ปใหญ่และกรุ๊ปเล็กส่วนตัว  ให้บริการนำเที่ยวแบบครบวงจร เดินทางแบบวีไอพี กิจกรรมสนุกอาหารอร่อยนอนสบาย บริการแบบมืออาชีพด้วยมาตรฐานบริษัททัวร์ในราคาไม่แพง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-625-9929 

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ
www.rkatour.com