ผมเองได้ติดตามปราชญ์ท่านนึง ซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีเงินล้นฟ้าแต่ก็ได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขในทุกๆ วัน แถมรู้สึกได้ถึงความมีกินมีใช้ไม่เดือดร้อน ท่านมีแนวคิดเรื่องการจัดการที่ดินทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและสร้างความมั่นคงให้ชีวิต  แนวคิดนั้นน่าสนใจมากๆ โดยพอจะสรุปออกมาเป็นแนวทางในการจัดสรรที่ดินขนาดเล็กเนื้อที่ซัก 4-10 ไร่  เพื่อใช้อยู่อาศัยและพึ่งพาตนเองได้อย่างสบายๆ สำหรับครอบครัวเล็กๆ ดังนี้

1 บ้านควรปลูกในพื้นที่ที่เราชอบที่สุด คิดว่าอยู่แล้วสะดวกที่สุดสบายที่สุด ถ้าเป็นคนชอบสังคมหรือคิดว่าต่อไปอาจจะเปิดร้านเล็กๆ เพื่อจำหน่ายผลิตผลจากที่ดินของเรา ก็ควรอยู่ด้านหน้าของที่ดินในตำแหน่งใกล้ถนน แต่ถ้าชอบสันโดษจะเลือกมุมสงบด้านในก็ไม่ผิด  แต่บริเวณบ้านไม่ควรปลูกไม้ใหญ่มากนักเพื่อบ้านจะได้โปร่งและอยู่สบายไม่มีแมลงรำคาญรบกวน

2 ใกล้ๆ บ้านควรมีสระน้ำ จะเล็กจะใหญ่ก็ขึ้นกับขนาดของที่ดิน สระน้ำยิ่งกว้างเราก็สามารถทำประโยชน์ได้มากขึ้นเช่นเก็บน้ำไว้ใช้หรือแม้แต่เลี้ยงปลาเพื่อไว้เป็นอาหาร เหลือกินก็ขายบ้าง สระน้ำควรขุดในตำแหน่งต่ำสุดของที่ดินเพื่อจะได้เก็บน้ำได้ง่ายกว่า และถ้าจะเลี้ยงปลาด้วยสระก็ไม่ควรมีน้ำลึกเกิน 2 เมตร เพื่อที่จะให้แสงแดดส่องถึงก้นสระ พืชน้ำจะได้เติบโตเป็นอาหารของปลาโดยที่เราไม่ต้องซื้ออาหารเลี้ยง นอกจากนี้สระน้ำยังช่วยทำให้บ้านน่าอยู่และเย็นขึ้น

3 ใกล้ๆ บ้าน ควรทำแปลงปลูกผักสวนครัวเล็กๆ ใช้พื้นที่ไม่ต้องมาก อาจซัก  1-2 งานหรือครึ่งไร่เพราะเราปลูกผักเน้นไว้กินเอง เป็นงานอดิเรกและออกกำลังกายเพลินๆ กะว่าใช้เวลาดูแลวันละไม่เกิน 30 นาที  เราก็จะมีผักสดปลอดสารพิษให้เก็บกินได้ทุกวัน หากมีผักเหลือกินมากก็แบ่งขายเป็นรายได้ได้อีก เหตุที่เราต้องทำสวนผักใกล้บ้านเพื่อที่จะได้เดินไปเก็บมาทำอาหารได้ง่ายๆ ในเวลาที่ต้องการ  

4 ถ้ามีพื้นที่ซักครึ่งไร่   ก็แบ่งมาทำนาปลูกข้าวไว้กิน เพราะข้าวราคาถูกมากการปลูกข้าวเพื่อขายไม่ใช่แนวคิดที่ดีแต่เราปลูกข้าวปลอดสารพิษไว้กินเองเพื่อสุขภาพที่ดีของคนในครอบครัวก็พอแล้ว ถ้าเราปลูกข้าวเนื้อที่ประมาณครึ่งไร่ดูแลดีๆ ก็ได้ข้าวเปลือกร่วม 500 กิโลกรัม พอที่จะกินภายในครอบครัวขนาด 2-3 คนได้ทั้งปี แถมปลูกข้าวน้อยๆ ทำเองก็ได้ไม่ต้องเสียเงินจ้าง  ปลูกข้าว 1 รอบใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน  แต่ใช้เวลาลงแรงจริงๆ ตั้งแต่ปลูกข้าวจนเก็บเกี่ยวรวมไม่เกิน 5 วันต่อปีเท่านั้นเอง  ว่างจากปลูกข้าวเราก็สามารถใช้พื้นที่ปลูกพืชล้มลุกอื่นๆ ไว้เก็บกินได้อีก หรือจะปลูกหญ้าเก็บไว้เลี้ยงวัวเลี้ยงแพะเก็บเอามูลทำปุ๋ยบำรุงดินก็ยิ่งดี

5 พื้นที่ปลูกหญ้าและเลี้ยงสัตว์ จะเป็นวัวควายแพะหรือแกะก็ได้  สัตว์ที่กินหญ้าเป็นอาหารนอกจากจะให้มูลค่าจากการที่สัตว์โตขึ้นและออกลูกออกหลานแล้ว สิ่งที่ได้กำไรมากที่สุดคือปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ที่จะใช้บำรุงดินโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ ปกติถ้าเป็นสัตว์ใหญ่อย่างเช่นวัว 1 ตัว ก็ต้องการพื้นที่ปลูกหญ้าประมาณ 1 ไร่  ถ้ามีพื้นที่พอและมีการจัดการที่ดี การเลี้ยงสัตว์กินหญ้าไว้ในที่ดินจะให้ประโยชน์หลายต่อเลยทีเดียว 

โดยส่วนตัวเลือกที่จะเลี้ยงม้า เพราะสามารถนำมาทำประโยชน์ทางการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่งด้วย

6 สำหรับแนวคันดินรอบบ่อน้ำและนาข้าวรวมถึงที่ว่าง ควรปลูกไม้ผลหลายๆ ชนิด ยิ่งมากชนิดยิ่งดี ชนิดละอย่างน้อย 2-3 ต้น เพื่อจะได้มีผลไม้ตามฤดูกาลไว้กินได้ทั้งปี มีเหลือก็แบ่งขายเป็นรายได้เสริมเข้ามาอีกทาง

7 พื้นที่ด้านในสุดของที่ดินซึ่งปกติเราไม่ค่อยเดินเข้าไป ให้ทำเป็นแปลงปลูกป่า ปลูกไม้ท้องถิ่นหลายๆ ชนิดรอคอยให้มันเติบโต ไม้บางอย่างก็เปรียบเสมือนเงินบำนาญก้อนใหญ่เมื่อต้นไม้มีอายุที่มากขึ้นเช่นไม้สัก  ตะเคียน พยุง เป็นต้น ต้นไม้บางอย่างก็เอาไว้ทำประโยชน์ใช้สอยทั่วๆ ไปเช่นไผ่ เมื่อป่าของเราเติบโตก็จะสร้างความสมบูรณ์และร่มเย็นให้ดิน เราก็สามารถเก็บประโยชน์ใช้สอยได้อีกหลายๆ อย่าง ที่งอกเงยออกมาจากป่าของเรา เช่นไข่มดแดง เห็ดต่างๆ หรือแม้แต่พืชผักบางอย่างที่ปลูกก็สามารถนำมาเก็บกินเก็บใช้ได้

จากแนวคิดนี้แม้จะเป็นที่ดินแปลงเล็ก แต่ถ้ามีการวางแผนและจัดการที่ดี นอกจากเป็นที่อยู่อาศัยที่น่าอยู่แล้ว ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ในเรื่องอาหารการกินไม่เดือดร้อน แถมยังมีช่องทางมีรายได้เข้ามาในบ้านและมีเงินก้อนใหญ่รอให้เก็บเกี่ยวจากไม้ป่าของเราเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เวลายิ่งผ่านไปงานของเราจะยิ่งน้อยลงแต่กลับได้ผลผลิตหรือผลตอบแทนมากขึ้น ซึ่งแนวคิดแบบนี้จะเป็นจริงได้หรือไม่ก็คงอยู่ที่การเริ่มต้นคิดและทำกับเวลาที่จะรอการพิสูจน์จากสิ่งที่เราลงแรงไป  

โครงการบ้านพักสำหรับวัยเกษียณและบ้านสำหรับวันพักผ่อน

สนใจที่ดินราคาไม่แพงและอยู่ไม่ไกลความเจริญแถมสามารถผ่อนกันยาวๆได้ด้วย สำหรับทำโครงการในฝัน เรามีที่ดินมาแบ่งปันเพื่อสร้างสังคมของคนที่มีแนวคิดคล้ายๆ กันมาอยู่ใกล้ๆ กัน สามารถโทรสอบถามและปรึกษาได้ที่ โทร. 0846259929